วันนี้ในงาน Galaxy Unpacked 2020 งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Samsung ได้มีการเปิดตัว Galaxy Buds Live หูฟังไร้สายในรูปร่างคล้ายเม็ดทั่วที่มีข่าวออกมามากมายก่อนหน้านี้ Galaxy Buds Live มีไดรเวอร์ที่ใหญ่ขึ้น 12 มม. มีไมค์มากถึง 3 ตัว 2 ตัวด้านนอก และอีก 1 ตัวด้านใน และ Voice Pickup Unit ทำให้สามารถรับเสียงได้ดังและชัดเจน Buds Live ยังรองรับระบบ Active Noise Cancellation (ANC) เพื่อลดเสียงรบกวน แต่ยังสามารถได้ยินเสียงด้านนอกอยู่ นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างง่ายดาย สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องใหม่ได้โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีทางลัดสำหรับการฟังเพลงบน Spotify ได้ง่าย ๆ เพียงแตะที่ตัวหูฟังเท่านั้น สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Android และ iPhone และยิ่งไปกว่านั้น สามารถเชื่อมต่อกับ Windows 10 ได้ง่าย ๆ ผ่านฟีเจอร์ Swift Pair Galaxy Buds Live สามารถฟังต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 6 ชั่วโมง และสามารถชาร์จในเคสเพื่อใช้ต่อได้อีก 15 ชั่วโมง รวมเป็น 21 ชั่วโมง โดยการชาร์จเพียง 5 นาที สามารถใช้ได้ถึง 1 ชั่วโมง Galaxy Buds Live […]
Innerscape ศิลปะบนผืนใจ ตอนใหม่ ชวนคุยเรื่อง 'ครูศิลปะ' ผู้เชื่อมโยงระหว่างเด็กและศิลปะ ตัวแปรสำคัญที่อาจกำหนดว่า ศิลปะจะถูกระบายไปถึงผืนใจของเด็กหรือไม่
เมื่อการต่อคิวกลายเป็นส่วนสำคัญของการช้อปปิ้งวิถีใหม่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันช่างเป็นการทรมานลูกค้าและผู้ประกอบการอยู่ไม่น้อย ถึงเวลาที่ต้องปฏิวัติรูปแบบการเข้าคิวใหม่ เพื่อที่จะเสริมสร้างประสบการณ์ดี ๆ ในการช้อปปิ้งให้ถึงขีดสุด
“บ้านปูเน็กซ์” ผนึก “สกุลฎ์ซี” และ “ภูเก็ต พัชทรีทัวร์...
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐลงนามคำสั่งในวันพฤหัส (7 ส.ค.) แบนแอปพลิเคชัน TikTok และ Wechat ดำเนินการในสหรัฐอเมริกาภายใน 45 วัน หากบริษัทแม่ในจีนไม่ขายบริษัท โดยแถลงการณ์คำสั่งแบน TikTok และ Wechat ระบุว่า “ห้ามบุคคล บริษัท หรือหน่วยงานใดในประเทศ ทำธุรกรรมกับแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ TikTok หรือกับ ไบต์แดนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ โดยมีผลบังคับใช้ 45 วันหลังออกคำสั่งนี้” จุดเริ่มต้นวิกฤต TikTok คำสั่งดังกล่าวมีสัญญาณตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว (31 ก.ค.) หลัง ‘ทรัมป์’ กล่าวว่าเขาจะทำการแบนแอปฯ TikTok ออกจากสหรัฐฯ โดยใช้อำนาจทางเศรษฐกิจและคำสั่งฉุกเฉิน ต่อมา Microsoft เคลื่อนไหวโดยระบุว่า ได้มีการพูดคุยระหว่าง สัตยา นาเดลลา ซีอีโอ Microsoft และ ทรัมป์ เกี่ยวกับดีลซื้อแอปฯ TikTok ในสหรัฐ เพื่อให้ข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐทั้งหมดได้รับความคุ้มครอง โดยตั้งเป้าปิดดีลภายใน 15 ก.ย. นี้ อย่างไรก็ตามคำสั่งแบนในครั้งนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย เนื่องจากแอปฯ …
วิธีพัฒนาประสิทธิภาพของโพสต์บนโซเชียลมีเดียมีมากมายหลายวิธี บางคนอาจสร้างปกวิดีโอที่สวยงาม กำหนดหัวข้อที่น่าดึงดูดให้อ่าน หรือแม้แต่การทำกราฟิกสวยๆ แต่วันนี้ Thumbsup ขอเสนอโพสต์ 8 ประเภทที่แบรนด์ไม่ควรแชร์บนโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เสียหายและลูกค้าอาจเลิกติดตามแบรนด์ของคุณได้ 1. โพสต์ด้านลบเกี่ยวกับลูกค้า หากเกิดเหตุการณ์ความไม่พอใจกับลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย แทนที่จะโพสต์ระบายความโกรธลองมองให้เป็นโอกาสในแสดงบริการลูกค้าที่ดี (Customer Service) เปลี่ยนความไม่พึงพอใจของลูกค้าเป็นการรับมือแบบมืออาชีพและมีมารยาท ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดีขึ้น 2. โพสต์การเมืองและศาสนา คงไม่เป็นเรื่องผิดหากจะแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในบัญชีโซเชียลมีเดียส่วนตัว แต่ในนามของแบรนด์และธุรกิจการแสดงความคิดเห็นหรือแชร์โพสต์เกี่ยวกับการเมืองและศาสนานั้นเป็นวาระทางสังคมที่อ่อนไหว และกระทบต่อความรู้สึกของคนเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ทันที แบรนด์จึงควรใช้ความระมัดระวังในการแสดงออกในประเด็นเหล่านี้ 3. ไวรัลที่ไม่เกี่ยวข้อง กระแสไวรัลอาจช่วยให้คอนเทนต์ของคุณสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น เกิดการมีส่วนร่วมมากขึ้น แต่ไวรัลคอนเทนต์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ก็คงไม่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย หลายๆ แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่หรูหรา กลุ่มเป้าหมายคือผู้ใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูง คอนเทนต์ที่สนุกสนาน ขี้เล่นก็คงไม่สื่อสารคุณค่าของแบรนด์ให้กับกลุ่มเป้าหมาย 4. โพสต์ที่ขายของเกินไป จุดประสงค์ที่หลายแบรนด์สร้างบัญชีบนโซเชียลมีเดียคือต้องการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ (Brand Awareness) และ สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า แต่ลูกค้าของคุณไม่ได้ต้องการรับรู้ข้อมูลสินค้าและบริการของคุณอยู่ตลอดเวลา ให้ลองสร้างคอนเทนต์ในแง่ของการให้ความรู้ ความบันเทิง และการมีส่วนร่วมที่สร้างสรรค์ 5. โพสต์ที่ไม่บ่งบอกตัวตนของแบรนด์ ในแต่ละวันมีคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียเกิดขึ้นมากมาย แต่ทำอย่างไรให้คนจดจำแบรนด์ของเราได้? การสร้างตัวตนของแบรนด์สามารถสื่อสารได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น ภาพถ่าย ไอคอน กราฟิก รวมถึงการสื่อสารที่แสดงเอกลักษณ์ของแบรนด์ …