ซี โฮลดิ้งส์ คอร์ปอเรชั่น (ZHD) และ ไลน์ คอร์ปอเรชั่น (LINE) ประกาศการควบรวมกิจการของทั้ง 2 บริษัทได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ตามกระบวนการต่าง ๆ ด้านกฎหมายเรียบร้อยแล้ว ZHD และ LINE พร้อมด้วยบริษัทแม่ของทั้งสองบริษัทอย่าง SoftBank และ NAVER ได้ดำเนินการด้านธุรกรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นการยืนยันการควบรวมธุรกิจดังกล่าว หลังจากที่ได้บรรลุข้อตกลงควบรวมกิจการไป เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ต่อเนื่องด้วยการเจรจาร่วมกันเกี่ยวกับสัญญาหลักด้านการควบรวมกิจการ เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 และบันทึกข้อตกลงพันธมิตรทางธุรกิจ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2563 นอกจากนั้น ทั้งสองบริษัทยังได้มีการเจรจาในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ดำเนินการโดยทั้งสองบริษัท เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างเป็นพลวัตหลังจากการควบรวมธุรกิจดังกล่าวแล้ว ณ ปัจจุบัน การควบรวมกิจการของทั้งสองบริษัทถือเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ โดยมีสัญญาการแลกเปลี่ยนหุ้นระหว่าง ZHD และ LINE Demerger Preparatory Company ลงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงอันเกี่ยวเนื่องกับการควบรวมกิจการในครั้งนี้ ปัจจุบัน กลุ่มบริษัท ZHD ถือเป็นหนึ่งในบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยมีพนักงานกว่า 23,000 คน มีบริการกว่า 200 บริการแก่ผู้ใช้งานกว่า 300 ล้านคน ลูกค้าองค์กรกว่า 15 ล้านราย และ โครงการร่วมกว่า 3,000 โครงการในเทศบาลเมืองต่าง ๆ การควบรวมกิจการในครั้งนี้ ทำให้กลุ่มบริษัท ZHD มีขอบข่ายธุรกิจครอบคลุมการให้บริการสารสนเทศ การจ่ายเงิน และการสื่อสาร ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยกลุ่มบริษัท ZHD มุ่งหวังที่จะทำให้ผู้ใช้งาน “บรรลุเป้าหมายได้มากขึ้น” (Achieve Even More) ด้วยพลังของอินเทอร์เน็ต และสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ผ่านการแก้ปัญหาด้านสังคมต่าง ๆ ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและในต่างประเทศ เพื่อให้สังคมได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น กลุ่มบริษัท ZHD จะยังคงเน้นการให้บริการ Yahoo! JAPAN อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ธุรกิจหลักของ LINE คือ การให้บริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต (Search) และการเป็นเว็บท่า (Web Portal) การโฆษณา (Advertising) และการให้บริการส่งข้อความ (Messenger) อย่างไรก็ตามการควบรวมกิจการของทั้งสองบริษัทจะโฟกัสไปที่ 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ การพาณิชย์ (Commerce) สินค้าและบริการในแนวดิ่ง (Local Vertical) เทคโนโลยี ทางการเงิน (Fintech) และ การบริการสาธารณะ (Public Services) โดยจะมีการใช้เทคโนโลยีด้านข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ในทั้ง 4 ด้าน เพื่อมอบความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน ลูกค้า และสังคม อย่างต่อเนื่องสืบไป 4 กลุ่มธุรกิจหลัก 1. การพาณิชย์ (Commerce) การซื้อสินค้าบริการภายในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยเชื่อมโยงกับหน้าร้าน (X Shopping) กลุ่มบริษัท ZHD มีเป้าหมายที่จะสร้างโลกที่ผู้คนสามารถซื้อสิ่งที่ตนเองต้องการในราคาที่ดีที่สุด ที่ไหนและเมื่อใดก็ได้ผ่าน LINE โดยจะมีการเปิดตัวบริการใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น การให้ของขวัญผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือ Social Gift การซื้อแบบกลุ่ม (Team Commerce) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถรวมกลุ่มซื้อสินค้าในราคาถูกลง การซื้อสินค้าในระหว่างการไลฟ์สด (Live Commerce) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ใช้งานเข้ากับวิดีโอจากอินฟลูเอนเซอร์ นอกจากนี้ จะยังเน้นการให้บริการที่เรียกว่า “X Shopping” (Cross Shopping) ซึ่งนับว่าเป็นประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ ที่เชื่อมโยงข้อมูลสินค้าระหว่างร้านค้าออนไลน์และหน้าร้าน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกวิธีการซื้อสินค้า ที่ตรงต่อความต้องการของตนเอง กลุ่มบริษัทฯ ยังมีแผนเปิดตัวฟังก์ชัน “ราคาของฉัน” (My Price Initiative) ซึ่งเป็นฟังก์ชันการตั้งราคาแบบไดนามิกหรือการตั้งราคาแบบยืดหยุ่น และบริษัทยังมีแผนที่จะจัดทำโปรแกรมการมอบคะแนนสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าอีกด้วย […]
วงการสื่อถือเป็นอุตสาหกรรมแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบจาก ‘Digital Disruption’ สื่อดั้งเดิมอย่างหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ถูกลดบทบาทลงเมื่อคนหันไปเสพสื่อผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น แน่นอนว่าเม็ดเงินก็ย้ายไปหาสื่อออนไลน์มากขึ้นเช่นกัน ธุรกิจสื่อจึงต้องหันไปพึ่งพาแพลตฟอร์มโซเชียลออนไลน์ (Facebook, YouTube, Twitter) ซึ่งครองเม็ดเงินโฆษณามากกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วธุรกิจสื่อจะอยู่รอดอย่างไรหากต้องแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เหล่านี้ การต่อสู้ระหว่างสื่อและโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่เพิ่งเริ่มต้นขึ้น โดยรัฐสภาออสเตรเลียได้ผ่านกฎหมายที่ชื่อทางการว่า ‘News Media and Digital Platforms Mandatory Bargaining Code‘ เพื่อส่งเสริมให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทำข้อตกลงจ่ายค่าคอนเทนต์ข่าวให้กับองค์กรสื่อในประเทศ “เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจสื่อจะได้รับค่าตอบแทนอย่างเป็นธรรมในการทำคอนเทนต์ข่าว” Josh Frydenberg รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวในแถลงการณ์ กฎหมายดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และล่าสุดทั้งเฟซบุ๊กและกูเกิลยินยอมจ่ายเงินค่าคอนเทนต์ข่าวให้กับองค์กรสื่อแล้ว โดยได้เริ่มทำข้อตกลงกับสื่ออย่างน้อย 1 แห่งและกำลังอยู่ระหว่างเจรจากับสื่ออื่นๆ เพิ่มเติม แม้ว่าก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กได้คัดค้านกฎหมายดังกล่าวโดยได้ดำเนินการบล็อกเนื้อหาขององค์กรสื่อและหน่วยงานรัฐในออสเตรเลีย ก่อนที่จะยกเลิกการบล็อกในเวลาต่อมา ส่วนกูเกิลเคยขู่ว่าจะยกเลิกฟังชั่นเสิร์ชในออสเตรเลีย โดยทั้งสองอ้างว่า “แพลตฟอร์มของตนได้ช่วยให้เนื้อหาข่าวได้รับการเข้าถึงและทำรายได้ราว 316 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีที่ผ่านมา ขณะที่แพลตฟอร์มได้ประโยชน์จากข่าวน้อยมาก” อย่างไรก็ตามการผ่านกฎหมายดังกล่าวของออสเตรเลีย สามารถเป็นแบบอย่างให้กับประเทศอื่นๆ ในการกำกับดูแลแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ได้รับประโยชน์จากผู้ใช้ของแต่ละประเทศ รวมถึงบรรดาสำนักข่าวและนักข่าวจะได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรมมากขึ้น ที่มา CNN
เคล็ดลับอันแปลกใหม่สำหรับผู้ใช้ชุดโปรแกรมออฟฟิศ วิธีฝังสไลด์ PowerPoint ลงใน Word ให้สไลด์ PowerPoint นั้นเป็นส่วนหนึ่งของไฟล์ Word