DNA Digital News ประจำวันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567

futuretrend - 16/02/2024

วันนี้ Future Trends จะพาผู้อ่านมาจับตามองกระแสเกี่ยวกับสวัสดิการของการทำงานในปี 2024 ที่ทุกคนให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น (Well-Being) องค์กรและธุรกิจต่างๆ ควรจะปรับตัวอย่างไรเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการสากล [ 5 Trends ‘Employee Welfare’ ที่พนักงานมองหาในปี 2024 ] เทรนด์ 1: Mental Health will be a Priority สุขภาพจิตต้องมาก่อน ในช่วงปีที่ผ่านมาสุขภาพจิตถูกให้ความสนใจมากยิ่งขึ้นในสถานที่ทำงาน เพราะปัญหาภาวะหมดไฟ ความเป็นพิษของสิ่งวอดล้อมในที่ทำงานต่างส่งผลเสียให้กับพนักงานในบริษัท ทำให้ต้องพบเจอกับปัญหาสุขภาพจิตมากมาย ดังนั้นในปี 2024 เราต่างก็ต้องการสวัสดิการที่ครอบคลุมในด้านของสุขภาพจิตมากยิ่งขึ้น เช่น สนับสนุนการปรึกษาแพทย์ / ผู้เชี่ยวชาญ รณรงค์ลดใช้อารมณ์ที่รุนแรงในการทำงานเพื่อสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น เป็นต้น บริษัทและองค์กรในปี 2024 อาจจะต้องให้ความสำคัญเพื่อดึงดูดกลุ่มพนักงานมากยิ่งขึ้น ในบริบทของประเทศไทยเราผลักดันกันมานานหลายปีแต่ยังไม่เห็นผลมากนัก เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการปรับตัว เทรนด์ 2: Financial Wellness สุขภาพทางการเงินที่ดี เฉกเช่นเดียวกับเทรนด์ 1 เรื่องสุขภาพจิต ความต้องการของการมีสุขภาพทางการเงินที่ดีถูกผลักดันให้เป็นสิ่งที่สำคัญมาหลายปี ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวนมาก ทุกคนต่างที่อยากจะมีสุขภาพทางการเงินที่มั่นคงและสามารถเลี้ยงดูตนเอง ครอบครัว และใช้เงินซื้อความสุขได้ ดังนั้น เทรนด์สุขภาพทางการเงินจึงต้องให้ความสนใจและความสำคัญอย่างมาก สำหรับองค์กรและบริษัทสามารถช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการเงินให้กับพนักงานได้ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมอาชีพเสริม ฝึกฝนทักษะเพื่อการเพิ่มมูลค่าของตัวเอง เป็นต้น เทรนด์ 3: Health Insurance ประกันสุขภาพ ต้องยอมรับว่าหลายๆ องค์กร หลายๆ บริษัทในไทยยังผลักภาระเกี่ยวกับสุขภาพให้เป็นหน้าที่ของพนักงาน บางแห่งไม่มีแม้แต่ประกันสังคม ความต้องการของพนักงานอาจจะไม่ใช่ประกันสุขภาพที่ครอบคลุม แต่เป็นประกันสุขภาพที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ดังนั้น การทำประกันสุขภาพให้กับพนักงานของคุณเป็นเรื่องสำคัญในปี 2024 เทรนด์ 4: Leave Benefits ลาจริง ไม่ใช่ลาหลอก วัฒนธรรมองค์กรบางแห่งไม่เอื้ออำนวยต่อการลาของพนักงาน ในลักษณะที่ว่าหากมีคนหนึ่งลาบริษัทจะไม่สามารถทำงานต่อได้ ส่งผลให้การลาของพนักงานไม่ใช่การลาแบบจริงๆ แต่เป็นลาทิพย์ที่ต้องทำงานอยู่ดีถึงแม้ว่าจะเป็นวันลา เป็นปัญหาที่แก้ค่อนข้างยาก เพราะมันเกี่ยวข้องกับโครงสร้างขององค์กร แต่ในเมื่อพนักงานขอลาหยุดเขาก็สมควรที่จะได้รับวันหยุดอย่างเต็มที่ เทรนด์ 5: Flexible ความยืดหยุ่น หลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤตการณ์โควิด – 19 มานั้น วัฒนธรรมองค์กรหลายแห่งปรับตัวให้สามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยการทำงานแบบ Remote, Work From Home. Work From Anywhere, Hybrid-Work ต่างก็สร้างความยืนหยุ่นให้กับพนักงานและช่วยให้การทำงานมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ไม่ซ้ำซากจำเจหมกมุ่นอยู่แต่ในที่เดิมๆ จึงเป็นหนึ่งในสวัสดิการที่ทุกคนอยากได้ ดังนั้นในปี 2024 ความยืนหยุ่นจึงเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง แต่ต้องมาพร้อมกับประสิทธิภาพการทำงานที่ไม่ถดถอย เป็นอย่างไรบ้างกับ 5 เทรนด์ของการมองหาสวัสดิการในปี 2024 ค่อนข้างเป็นเรื่องที่พวกเราต่างรู้กันดีว่าถ้าหากมีจะช่วยให้ชีวิตของพวกเราง่ายยิ่งขึ้น เขียนโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์ Sources: https://www.shrm.org/topics-tools/news/benefits-compensation/top-employee-benefits-compensation-trends-to-watch-2024 https://www.linkedin.com/pulse/what-employers-should-know-benefits-trends-2024-cecilia-johnson-lwegc?trk=article-ssr-frontend-pulse_more-articles_related-content-card https://www.fastcompany.com/90997695/3-emerging-benefits-trends-to-watch-for-in-2024 https://hrsea.economictimes.indiatimes.com/news/employee-experience/top-employee-benefits-trends-to-look-out-for-in-2024/105941520

futuretrend - 16/02/2024

สำนักข่าว CNN ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ‘Bill Gates’ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลก ‘Microsoft’ เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ที่เข้ามาในชีวิตประจำวันของมนุษย์ Bill Gates ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ในอีก 5 ปีข้างหน้า ว่ามันคือการพัฒนาเฉกเช่นที่เคยเป็นมาตลอดตั้งแต่อดีต ที่เทคโนโลยีได้รับการพัฒนาเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับมนุษย์ แต่ภาพรวมกระแสการมาของปัญญาประดิษฐ์มักเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการถูกแทนที่ Gates ให้ความเห็นในส่วนของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มีโอกาสกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ที่จะได้รับผลกระทบจากปัญญาประดิษฐ์ และอ้างอิงถึงประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในอดีต ว่าทุกๆ ครั้งต่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ในหลายๆ ครั้งการเปลี่ยนแปลงก็นำพามาซึ่งโอกาสใหม่ๆ เช่นกัน การใช้ชีวิตประจำวันของเราจะง่ายยิ่งขึ้นเมื่อปัญญาประดิษฐ์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต Gates คาดการณ์ว่า การศึกษาและสุขภาพจะได้รับผลกระทบด้านดีจากปัญญาประดิษฐ์มากที่สุด และงานประเภทเอกสารจะได้รับการดูแลโดยปัญญาประดิษฐ์เป็นหลัก เพื่อให้มนุษย์ไปทำงานที่ใช้ความคิดได้มากยิ่งขึ้น ในมุมมองของ Gates จุดเปลี่ยนที่ทำให้เขามั่นใจว่าปัญญาประดิษฐ์จะส่งเสริมให้ชีวิตของเราง่ายยิ่งขึ้นมาจาก ChatGPT-4 ที่พัฒนาโดย OpenAI ความสามารถของมันมีความโดดเด่นอย่างมาก อีกทั้งยังสอดคล้องกับประสิทธิภาพด้านการศึกษาและสุขภาพ ที่มันสามารถเป็นทั้งผู้ให้ความรู้และผู้ดูแลสุขภาพส่วนตัวได้ นอกจากนี้ Gates ยังพูดถึงความร่วมมือระหว่าง Microsoft และ OpenAI ที่มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐว่าเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นที่บริษัทมองเห็นถึงการมาของปัญญาประดิษฐ์ ว่ามันสำคัญขนาดที่ต้องรีบลงทุนเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นเจ้าตลาดก่อนใคร จุดประสงค์ของการลงทุนในตลาดปัญญาประดิษฐ์ของ Microsoft ไม่ได้มีแค่ความต้องการเป็นเจ้าตลาด แต่ยังต้องการที่จะสร้างความเท่าเทียมให้กับโลกอีกด้วย พวกเขามองว่าการที่พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์สามารถส่างเสริมการเข้าถึงการศึกษา และเพิ่มความเท่าเทียมให้แก่ผู้ด้วยโอกาส เช่น การสร้างผู้สอนที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ในหมู่ทวีปทที่ด้อยโอกาส เป็นต้น อย่างไรก็ตาม กองทุนการเงินระหว่างประเทศมองว่าการเข้ามาของปัญญาประดิษฐ์กระตุ้นให้เกิดความระมัดระวังมากขึ้น และเตือนว่าปัญญาประดิษฐ์จะสร้างความไม่เท่าเทียมให้กับโลกในระดับที่รุนแรง โดยสรุปแล้วมุมมองของ Bill Gates ต่อปัญญาประดิษฐ์นั้นเป็นการผสมผสานระหว่างการมองโลกในแง่ดีและการระมัดระวังตัว ซึ่งมุมมองที่กล่าวว่าปัญญาประดิษฐ์จะเป็นเครื่องมือที่ลดความเหลื่อมล้ำ จะสามารถยกระดับชีวิตของมนุษย์ได้ ซึ่งมุมมองเหล่านี้เป็นการคาดการณ์ที่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์การใช้ชีวิต เป็นเรื่องที่ต้องฟังหูไว้หู เขียนโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์ Source: https://edition.cnn.com/2024/01/16/tech/bill-gates-ai-gps-interview/index.html

futuretrend - 16/02/2024

ปี 2020 ยังขนาดนี้ แล้วปี 2021 ล่ะจะขนาดไหน? การระบาดของ COVID-19 ไม่เพียงแต่ทำให้การคาดการณ์หลาย ๆ อย่างแปรปรวนเท่านั้น แต่ยังกระทบไปถึงสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกอีกด้วย โดยทาง AIS The StartUp ได้มีการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์เทรนด์เพื่อเป็นคู่มือทำธุรกิจให้กับผู้ประกอบการยุคดิจิทัล 4 เทรนด์ 15 มุม วันนี้เราจะมากางคู่มือนี้ไปด้วยกันว่า Digital Entrepreneur จะต้องเตรียมตัวอย่างไรเพื่อเอาตัวรอดในอนาคตบ้าง สิ่งที่เห็นชัดเจนเลยก็คือเศรษฐกิจของแต่ละประเทศในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 นั้นสั่นสะเทือนอย่างมาก เช่น GDP ในสหรัฐฯ ลดลง 10%, 14% ในสหภาพยุโรป ส่วนประเทศไทยเองในไตรมาสที่ 2 ทาง EIC ระบุว่า GDP หดตัวหนักสุดในรอบ 22 ปีที่ -12.2%YOY แม้ในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 นี้หลายประเทศจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาบ้างแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์เสียทีเดียว เพราะบางแห่งก็เหมือนเจอความเสียหายหลังพายุถล่มที่ต้องมาเช็กสภาพและค่อย ๆ รักษาแผลไปตาม ๆ กัน ทำให้การฟื้นตัวในช่วงนี้เรียกได้ว่าอยู่ในระยะชะลอตัวลง (Stalling recovery) สำหรับประเทศไทยเองหลายธุรกิจก็ต้องมาวางกลยุทธ์เพื่อรับมือกับการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ที่กลับมาให้เราหวาดหวั่นอีกครั้งเมื่อปลายปี 2020 และต้นปีที่ผ่านมานี้ตัวเลขหรือสถานการณ์ต่าง ๆ ก็ดูจะน่าหวั่นใจมากยิ่งขึ้น

futuretrend - 16/02/2024

“2024 ปีแห่ง AI Transformation อย่าเป็นผู้เล่นคนสุดท้ายที่เริ่มปรับตัว” ปรึกษา ‘Data Wow’ AI Startup ไทย ผู้คว้ารางวัล ‘Fastest-Growing Data Science Management Consultant’ จาก ‘Global Economics Award 2023’” [ องค์กร ธุรกิจ และ SMEs มิติที่ใกล้ชิดกับ AI มากกว่าที่คิด ] ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด ไม่ว่าผู้อ่านจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม จะเป็นนักเรียน / นักศึกษา ก็สามารถใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการเพิ่มองค์ความรู้ได้ หรือจะเป็นคนวัยทำงานก็สามารถใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อความสะดวกสบายในการทำงานได้ เช่น ในอุตสาหกรรมโฆษณาที่ต้องมีการสร้างงาน Draft ให้ลูกค้าเห็นภาพ สามารถใช้งานปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างสรรค์งานเพื่อขึ้นแบบให้ลูกค้าดูได้ ส่งผลให้การทำงานง่าย ลดเวลาการทำงานที่กินพลังได้มากยิ่งขึ้น เป็นต้น

capital - 15/02/2024

Open-Minded วัฒนธรรมการทำงานของ Gene Lab ที่เปิดกว้าง เปิดโอกาส จนคนทำงานเปิดใจ

rainmaker - 15/02/2024

ในปีนี้ทั้งความรู้สึกของผู้บริโภค การขวนขวายในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการตระหนักรู้ถึงสิ่งแวดล้อม หรือความยั่งยืน