Whoscall แอปพลิเคชันชื่อดัง ออกโรงเตือนภัยมิจฉาชีพ! รายง
ชวนมาฟัง คุณวรัทธน์ วงมณีกิจ Chief Product Officer จาก...
สำหรับปีนี้ Microsoft ขึ้นครองอันดับ 1 เป็นครั้งแรก หลัง
รางวัลโนเบล (Nobel Prize) สาขาเคมี ปี 2024 ได้ถูกมอบให...
Trend/ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ระบบโทรคมนาคมไล่ตั้งแต่อินเทอร์เน็ต เครือข่ายออนไลน์ และสัญญาณไวไฟ (Wi-Fi) รวมไปถึงการเชื่อมต่อกันของอุปกรณ์ในรูปแบบต่าง ๆ คือสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน แบบเดียวกับไฟฟ้าและน้ำประปาไปแล้ว และเราจะยิ่งเห็นความสำคัญเมื่อระบบขัดข้อง ถูกโจมตี หรือล่มขึ้นมา เพราะการดำเนินชีวิตจะสะดุดทันที โดยหากสถานการณ์ดังกล่าวกินเวลานานและเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง แน่นอนว่าย่อมกลายเป็นข่าวใหญ่ เหมือนวิกฤต CrowdStrike เมื่อกรกฎาคม 2024 หลังบริษัทดูแลระบบความปลอดภัยออนไลน์สัญชาติอเมริกันชื่อเดียวกันอัปเดตซอฟต์แวร์บนระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ทั่วโลก เป็นผลทำให้คอมพิวเตอร์สำหรับจองตั๋วตามสนามบินถึง 8.5 ล้านเครื่องทั่วโลกใช้การไม่ได้ และการดาวน์โหลดตั๋วผ่านสมาร์ตโฟนไม่สามารถทำได้เช่นกัน จนกระทบต่อการเดินทางด้วยเครื่องบินอยู่พักใหญ่ มีการประเมินว่าวิกฤต CrowdStrike สร้างความเสียหายสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 335,000 ล้านบาท) จนผู้บริหารของ CrowdStrike ต้องไปให้ปากคำกับคณะกรรมาธิการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ พร้อมรับปากว่าจะดูแลระบบให้ดีและไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก วิกฤต CrowdStrike ยังทำให้เกิดประเด็นอีกหนึ่งที่แตกออกมา นั่นคือ หากเกิดเหตุการณ์ใกล้เคียงกันอีก ซึ่งอาจเรียกรวมได้ว่า “ระบบสารสนเทศ” หรือ “ระบบไอทีล่ม” ไม่ว่าจะเป็นจากการอัปเดตระบบดังกรณีของ CrowdStrike หรือถูกแฮกเกอร์แฮกเพื่อเรียกค่าไถ่ในระบบสาธารณูปโภคหรือบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อย่างที่เคยเกิดขึ้นในยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่นในช่วง 4-5 …
ธุรกิจไหนที่กำลังมองว่า “ความหลากหลาย” (Inclusive) อาจจะไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญในกลยุทธ์หรือแคมเปญทางการตลาดเท่าไหร่นัก อาจต้องคิดใหม่ เพราะล่าสุดผลการศึกษาจาก Unstereotype Alliance และ Saïd Business School จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ยืนยันแล้วว่า "โฆษณาแบบ Inclusive" หรือโฆษณาที่นำเสนอเนื้อหาของผู้คนอย่างหลากหลายในเชิงบวก และปราศจากการเหมารวมสามารถทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นได้ถึง 16%